โครงการ SET เชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม ปีที่ 9
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งเสริมต้นแบบการทำความดี ดำเนินโครงการ SET เชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 9
พลังของความดี เป็นพลังสำคัญที่จะผลักดันและขับเคลื่อนสังคมไทยให้เป็นสังคมที่ดี มีความสุข การค้นหาผู้เสียสละอุทิศตน เพื่อเกื้อกูลประโยชน์ต่อสังคม และประกาศเกียรติคุณเพื่อเชิดชูผู้ทำความดี เป็นเจตนารมณ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เล็งเห็นถึงคุณค่าของการทำความดี ซึ่งจะสร้างกำลังใจและสร้างแบบอย่างของคนดี เพื่อสนับสนุนให้มีการทำความดีอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น และยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของผู้ทำดีให้มีกำลังใจยืนหยัดทำดีต่อไปอย่างเข้มแข็ง เป็นพลังสร้างสังคมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ในช่วงเวลา 9 ปี (พ.ศ. 2550–2558) มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ดำเนินโครงการ “SET เชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม” ด้วยความเชื่อมั่นว่าโครงการฯ นี้จะขยายโอกาสและสร้างความเข้มแข็งให้แก่สังคมไทย ด้วยการขับเคลื่อนจากพลังความร่วมมือของทั้ง 7 องค์กรเพื่อสังคม ที่มีเป้าหมายการทำงานเพื่อพัฒนาสังคมที่ครอบคลุมทั้ง 7 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาห้องสมุด ด้านการพัฒนาการศึกษา ด้านการพัฒนาสังคมชนบท ด้านการพัฒนาสังคมเมือง ด้านการส่งเสริมดนตรี ด้านการส่งเสริมกีฬา และด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนและสังคม โดยทั้ง 7 องค์กรจะเฟ้นหาบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ทำความดีสอดคล้องกับเป้าหมายการทำงานของแต่ละองค์กร เพื่อรับรางวัลที่ทรงคุณค่ายิ่งใน 7 สาขาเป็นประจำทุกปี
สำหรับปี 2558 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มอบรางวัลแก่ผู้ทำความดีเพื่อสังคมทั้ง 7 สาขา รวม 9 ท่าน ประกอบด้วย
1) สาขาการส่งเสริมดนตรี รางวัลสุกรี เจริญสุข คัดเลือก โดยมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ได้แก่ ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชาวไทยที่ทำงานในเวทีระดับนานาชาติ ได้รับการกล่าวขานและชื่นชมจากนักประพันธ์ชื่อดังร่วมสมัย ด้วยผลงานเพลงเป็นเอกลักษณ์ที่สอดแทรกความเป็นไทยอย่างงดงาม ได้รับการบรรเลงไปหลายทวีปทั่วโลก ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย จนมีผู้ขนานนามว่า เป็นนักประพันธ์เพลงชั้นนำและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของเอเชีย และไม่ทิ้งการทำหน้าที่คนไทยที่เป็น ผู้พร้อมที่จะให้และถ่ายทอดความดีงามแก่วงการดนตรีคลาสิกเพื่อตอบแทนสังคมไทย
ภาพพิธีมอบรางวัลสุกรี เจริญสุข ผู้ทำความดีเพื่อสังคม สาขาการส่งเสริมดนตรี ประจำปี 2558
2 ) สาขาการพัฒนาสังคมชนบท รางวัลมีชัย วีระไวทยะ คัดเลือกโดยสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ได้แก่ สภาองค์กรชุมชนตำบลเนินฆ้อ (มหาวิทยาลัยบ้านนอก) เครือข่ายชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งทำงานแบบภาคประชาชนหรือศูนย์ประสานงานภาคพลเมือง ที่มุ่งเน้นการพาชุมชนและสังคมไปสู่ความอยู่เย็นเป็นสุข ชีวิตมั่นคง พึ่งพาตนเองได้ บนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งผลักดันชุมชนกว่า 600 ครัวเรือน และมีสมาชิกกลุ่มกว่า 2,000 คน ให้ทำงานในรูปแบบเครือข่ายสมาชิกผ่าน 44 กิจกรรมหลักที่สร้างความเข้มแข็งให้สังคม ทั้งมิติสังคมและมิติเศรษฐกิจ สามารถลดรายจ่าย สร้างรายได้เพิ่มมากกว่า 20 ล้านบาทต่อปี
ภาพพิธีมอบรางวัลมีชัย วีระไวทยะ ผู้ทำความดีเพื่อสังคม สาขาการพัฒนาสังคมชนบท ประจำปี 2558
3) สาขาการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน รางวัลประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ คัดเลือกโดยมูลนิธิดวงประทีป คือ อาจารย์สมศักดิ์ เอี่ยมสะอาด อดีตครูใหญ่ ชาวจ.ชุมพร ผู้เสียสละอุทิศตนทำงานเสี่ยงภัย ด้วยความกล้าหาญเพื่อป้องกันและขจัดภัยยาเสพติดให้แก่เยาวชนไทยมาตลอดชีวิตนับ 40 ปี ทำงานเพื่อสังคมด้วยความมุ่งมั่นในฐานะสายสืบของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) เพื่อสอดส่องดูแลการกระทำผิดด้านยาเสพติดในชุมชน อ.ละแม จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี ปัจจุบันแม้จะเกษียณอายุราชการแล้ว ยังคงทำงานช่วยเหลือสังคมทั้งทางวัฒนธรรมและพัฒนาชุมชน จึงเป็นที่ยอมรับอย่างสูงจากชุมชนท้องถิ่น
4) สาขาการพัฒนาห้องสมุด รางวัลคุณหญิงแม้นมาส ชวลิต คัดเลือกโดยสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ ผู้รับรางวัลมี 2 ท่าน ได้แก่ 1. ศ.เกียรติคุณ ดร.ฉวีลักษณ์ บุณยะกาญจน ปูชนียบุคคลด้านบรรณารักษ์ศาสตร์ ผู้ริเริ่มการจัดตั้งศูนย์สารนิเทศอีสานสิรินธร รวบรวมองค์ความรู้ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมของท้องถิ่นอีสานแห่งเดียวในโลก และยังเป็นศูนย์ประสานข้อมูลกับเครือข่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ระดับนานาชาติ ตลอดจนเข้าไปช่วยตั้งสาขาบรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ให้แก่มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว และ 2.คุณกาญจณีย์ ธีระเดช ครูห้องสมุดโรงเรียนอนุบาลเมืองเชียงราย ผู้อุทิศตนทั้งในและนอกเวลาราชการมานานกว่า 20 ปี ส่งเสริมให้เยาวชนและคนในชุมชนมีนิสัยรักการอ่านเชิงรุก ภายใต้หลากหลายโครงการ เช่น โครงการถนนคนอ่าน ถนนสายวัฒนธรรม เทศบาลตำบลสันทราย โครงการตู้หนังสือชุมชน โครงการยุวบรรณารักษ์ ด้วยเล็งเห็นว่าโครงการเหล่านี้จะช่วยสร้างความรู้แก่ชุมชน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติให้มีพื้นฐานการศึกษาเรียนรู้ที่เข้มแข็ง พร้อมเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
5) สาขาการพัฒนาการศึกษา รางวัล ศ.สังเวียน อินทรวิชัย โดยมูลนิธิศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ได้แก่ ดร. สุพิษ ชัยมงคล ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านขาแหย่งพัฒนา จ.เชียงราย ผู้พัฒนาการศึกษาด้วยการจัดการเรียนรู้มอนเตสซอรี่ ในระดับปฐมวัย สำหรับเด็กชาวไทยภูเขา เพื่อส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาชีวิตแก่เด็กด้อยโอกาส จนสามารถยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้ที่มีปัญหาการใช้ภาษาไทย อีกทั้งยังเป็นผู้นำเครือข่ายในการพัฒนาครูผู้สอนภาษาไทย จนนำไปสู่การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
6) สาขาการส่งเสริมกีฬา รางวัลพลตรีสำเริง ไชยยงค์ โดยสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย มี 2 ท่าน ได้แก่
1. คุณนิพนธ์ มาลานนท์ ผู้มีจิตอาสาคอยฝึกสอนแก่ผู้สนใจตำแหน่งผู้รักษาประตูมาเป็นเวลานานโดยไม่หวังประโยชน์ใดๆ ผ่านช่องทางสื่อ Social Media ด้วยการจัดทำ Facebook ชื่อ Nipon Malanon หรือ ลิงค์ https://www.facebook.com/Nipon3092 และทำคลิปฝึกสอนผ่าน You Tube ได้รับความนิยมจากเยาวชนและผู้ฝึกสอนฟุตบอลทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพฝีมือ และสร้างเสริมประสบการณ์กับผู้ฝึกสอนฟุตบอลทุกระดัและ
2. คุณประสิทธิ์ เพี้ยงบางยาง ครูผู้เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ส่วนตัว สร้างนักกีฬาฟุตบอลระดับเยาวชนของโรงเรียนปทุมคงคาและเยาวชนในชุมชนใกล้เคียงย่านเอกมัย มุ่งสู่การเป็นนักฟุตบอลสนามอาชีพและทีมชาติไทยจำนวนมาก สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยจากรุ่นสู่รุ่น อาทิ เฉลิมวุฒิ สง่าพล ณรงค์ อาจารยุตต์ นาวี สุขยิ่ง รณชัย สยมชัย และ มาด๊าด ทองท้วม เป็นต้น
7) สาขาการพัฒนาสังคมเมือง รางวัลอิสรเมธี คัดเลือกโดย ท่านว.วชิรเมธี มูลนิธิวิมุตตยาลัย ได้แก่ คุณโจน จันใด เกษตรกรนักสู้ผู้ขยายแนวคิดสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้เกษตรกรมีเมล็ดพันธุ์ดีๆ พัฒนาพันธุ์ใหม่ๆ พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ลดการผูกขาดและครองเมล็ดพันธุ์ของภาคธุรกิจ คนไทยมีต้นทุนอาหารถูกลง และก่อตั้ง “พันพรรณ” ศูนย์เก็บเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านและศูนย์เรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเอง เพื่อผลิตและเก็บเมล็ดพันธุ์แจกจ่ายเป็นต้นทุนอาหารแก่เกษตรกรและสร้างอาหารให้กับลูกหลานสืบไป ความพยายามเสียสละและอุทิศตนของผู้ได้รับรางวัลทั้ง 7 สาขา ถือเป็นแบบอย่างและคุณูปการที่ดีต่อสังคมไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงมุ่งมั่นสนับสนุนให้คนทำดีเพื่อเกื้อกูลสังคมไทยอย่างกว้างขวาง เพื่อการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน