ป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน

หมู่ 5 ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม 

“สร้างป่า สร้างอาชีพของชุมชน"

จุดเด่น : ชุมชนเข้มแข็งที่ร่วมฟื้นฟูป่าชุมชนอย่างต่อเนื่อง สามารถพัฒนาศักยภาพสร้างอาชีพด้วยการใช้ประโยชน์จากป่า
พัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชน เพาะกล้าไม้จำหน่ายสร้างรายได้ และเศรษฐกิจชุมชนที่มั่นคงยั่งยืน
 
พื้นที่ปลูก : 4 ไร่ (หมายเหตุ : ปลูกเพิ่มเติมจำนวน 0.5 ไร่ นอกเหนือจากการสนับสนุนพื้นที่ปลูก 3.5 ไร่)
พันธุ์ไม้ที่ต้องการปลูก :
- ไม้เรือนยอดบน เช่น ยางนา ยางเหียง ยางพลวง เต็ง รัง
- ไม้เรือนยอดรอง เช่น ประดู่ มะค่า
- ไม้เรือนยอดรอง (ตระกูลถั่ว) เช่น แดง พะยูง
- ไม้ผลพืชเกษตร เช่น ขนุน กระท้อน มะม่วง
- ไม้ป่ากินผลกินใบ เช่น ตระค้อ มะกอกป่า ขี้เหล็ก สะเดา มะขามเปรี้ยว
- ไม้สมุนไพร เช่น มะขามป้อม
- ไม้ชั้นล่าง เช่น ไพล กระเจียว
__________________________________________________________________
เนื้อที่ป่าชุมชน : 349-3-08 ไร่
ได้รับอนุมัติจากกรมป่าไม้ : พ.ศ. 2558
ประเภทป่า : ป่าชุมชน และพื้นที่อื่น ๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์ (นสล.)
ระยะทางจากกุรงเทพ : 417 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ : 6 ชั่วโมง

---------------------------------------------------------------------------------------------

   | เริ่มปลูก : สิงหาคม 2564

   | พื้นที่ปลูก : 3.5 ไร่

   | ความสูง : 50 - 60 cm. (สำรวจเมื่อ 27 พ.ค. 65) 

   | อัตราการรอดตายของต้นไม้ : 100% (สำรวจเมื่อ 27 พ.ค. 65) 

---------------------------------------------------------------------------------------------

Update : การสนับสนุน การปลูก การดูแลและติดตามผลการเติบโต

---------------------------------------------------------------------------------------------

การสนับสนุนจากองค์กรภาคธุรกิจ ในแปลงที่ 1

ป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน หมู่ 5 ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม ได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อปลูกต้นไม้จำนวน 3.5 ไร่ จากกองทุนบัวหลวง (บลจ.บัวหลวง) และบริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนงบประมาณแก่โครงการ Care the Wild โดยมีวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน เป็นองค์กรผู้ปลูกป่าในพื้นที่ป่าชุมชนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเป็นแหล่งอาหารที่ยั่งยืน

 

การสำรวจพื้นที่ร่วมกัน

เมื่อ 26 มิถุนายน 2563  ทีมงานโครงการ Care the Wild  กรมป่าไม้ ร่วมสำรวจพื้นที่ปลูกป่าและศักยภาพชุมชน ถอดบทเรียนร่วมกับผู้ใหญ่สุปราณี คาทิพาที ประธานกลุ่ม และประธานคณะกรรมการป่าชุมชน ฯ และสมาชิกของวิสาหกิจชุมชนฯ โดยภาพรวมป่าชุมชนหนองทิศสอน หมู่ที่ 5 ต.นาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม มีพื้นที่เพื่อปลูกป่าในโครงการ Care the Wild  จำนวน 2 แปลง รวม 297 ไร่ มีเอกลักษณ์ชุมชน “ใช้ผืนป่าเพาะกล้าไม้ สร้างเศรษฐกิจชุมชน” สร้างอาชีพรายได้จากการเพาะขายกล้าไม้ และเป็นชุมชนที่รักป่า มุ่งสร้างผืนป่าด้วยกำลังของชุมชน โดยไม่รอการจัดสรรงบ ทั้งนี้ ชุมชนมีโครงการปลูกป่าที่ทำงานร่วมกับภาคเอกชนและรัฐ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง อาทิ การทำงานร่วมกับสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. / สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.มหาสารคาม โดยสามารถเพิ่มผืนป่าได้ กว่า 500 ไร่ ในพื้นที่ช่วงที่ผ่านมา

 

 

   

สภาพพื้นที่ป่าชุมชนและการทำงานในรูปแบบวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองทิศสอน มีสภาพพื้นที่เป็นที่เนินสลับที่ราบ มีพื้นที่สาธารณประโยชน์จำนวน 2,515 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์มากถึง 1,406 ไร่ ได้จัดตั้งเป็นพื้นที่ป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน และมีพื้นที่โดยรอบป่าชุมชนที่มีสภาพเสื่อมโทรมจากการเข้าทำประโยชน์ของเกษตรกรที่มีที่ดินรอบพื้นที่เพื่อทำการเกษตร ซึ่งปัจจุบันได้คืนให้กลับชุมชนเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ โดยพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกนำมาฟื้นฟูปลูกป่าทดแทนให้กลับมาเป็นป่าธรรมชาติ และจัดสรรพื้นที่บางส่วนให้กลุ่มอาชีพในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต

   

  

 

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอนมีเอกลักษณ์ชุมชน สร้างอาชีพรายได้จากการเพาะขายกล้าไม้ ซึ่งใช้เมล็ดพันธุ์จากป่าชุมชน

 

กระบวนการปลูก และการบริหารจัดการน้ำ

วิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชน ร่วมกันวางแผนการปลูก เตรียมการปลูก และดำเนินการปลูกได้สำเร็จลุล่วงเป็นไปตามแผนที่กำหนด แล้วเสร็จเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา 

การทำแปลงทดลอง ขนาด 40 ตรม. ในพื้นที่ปลูกป่า 

ชุมชนบ้านหนองทิศสอน ได้จัดทำแปลงทดลองการปลูกพืชกินได้ ตระกูลถั่ว ฟักทอง ในพื้นที่ปลูกป่า เพื่อให้ระบบรากเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน และใช้ใบห่มคลุมป้องกันแดดเพื่อเพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ ซึ่งจะทำให้ต้นไม้เติบโตอย่างดีเพราะมีความชื้นในดินสูง โดยให้ทดลองทำในพื้นที่ปลูกใหม่ เพื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ที่ไม่ได้ปลูก จะเห็นอัตราการเติบโตต้นไม้ที่สูงกว่า 3 - 4 เมตรในปีเดียว ทั้งนี้  ผลการทดลองอาจเป็นศูนย์การเรียนรู้ เป็นแหล่งอาหาร และสามารถใช้คำนวณผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ เป็นมูลค่าและคุณค่าทางโภชนาการ เก็บข้อมูลทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมด้วย โดยพื้นที่จ.มหาสารคาม มีความเค็มสูง อาจเป็นสาเหตุให้ต้นไม้ตาย จึงเป็นพื้นที่การศึกษาที่จะเป็นประโยชน์และเป็นต้นแบบได้ต่อไป

 

  

ผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มวิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน ปรึกษาและวางแผนการทำงาน เพื่อให้แผนงานถูกต้องตามหลักวิชาการ

  

เตรียมกล้าพันธุ์ ใช้กล้าไม้ที่วิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนเพาะในการปลูกลงพื้นที่แปลงปลูก 4 ไร่ โดยเป็นกล้าพันธ์ุข้ามปีที่แข็งแรง ความสูงเฉลี่ย 40 - 60 เซนติเมตร 

 

วางแนวหลักสเต็กไม้ไผ่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปลูกต้นไม้ในที่ว่าง โดยหลีกเลี่ยงการปลูกใต้ร่มไม้ใหญ่ที่มีอยู่เดิมและถูกต้องตามหลักวิชาการ

 

ขุดหลุมปลูกขนาด 30X30X30 เซนติเมตร ในพื้นที่ที่จะวางแนวหลักสเต็กไม้ไผ่

   

ใส่ดินดำ ปุ๋ยหมัก และวัสดุรองก้นหลุมจำนวน 1 กิโลกรัม/หลุม

 

  

ชาววิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชน ร่วมปลูกกล้วยเพื่อเป็นไม้พี่เลี้ยง ระยะ 4X4 เมตร จำนวน 400 หน่อ และปลูกต้นไม้ตามพันธุ์ไม้ที่ทางชุมชนได้คัดสรรไว้ โดยดำเนินการปลูกระยะ 4X2 เมตร 

 

---------------------------------------------------------------------------------------------

ผลสำเร็จการปลูกป่าจำนวน 4 ไร่แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน บำรุงดูแลรักษาต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้มีอัตราการรอดตายสูงสุด และดูแลต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปี และมีการปลูกซ่อมเสริมกรณีต้นไม้ตาย โดยมีเป้าหมายต้นไม้ที่ปลูกมีอัตราการรอด 100 เปอร์เซ็น

 

ผลลัพธ์ต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม

จากการสนับสนุนของภาคธุรกิจ ในการระดมทุนเพื่อปลูกต้นไม้ในป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุม 349-3-08 ไร่ สร้างผลสำเร็จการปลูกป่าจำนวน 3.5 ไร่ ด้วยต้นไม้กว่า 700 ต้น ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 6,300 กิโลกรัมคาร์บอนไดซ์ออกไซต์เทียบเท่า สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนบ้านหนองทิศสอน หมู่ 5 มีสมาชิก 132 ครัวเรือน ดูแลพื้นที่ป่าชุมชน จำนวน 2,515 ไร่ ครอบคลุมประโยชน์จากป่า เป็นแหล่งอาหาร ชุมชนในและรอบข้างพื้นที่ป่าใช้ประโยชน์ในการสร้างรายได้ และต่อยอดการเพาะกล้าไม้เพื่อสร้างรายได้ของวิสาหกิจฯ  และหมู่ 6 ,7, 8 , 9 ,17 ประมาณกว่า 900 ครัวเรือน ขยายไปถึง ต.หนองกุง  ต.สันป่าตอง คาบเกี่ยว จ.ขอนแก่น จ.บุรีรัมย์

---------------------------------------------------------------------------------------------

 

การสนับสนุนจากองค์กรภาคธุรกิจ ในแปลงที่ 2

 

  

 

          โครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect” โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตร บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด กรมป่าไม้ และชุมชนบ้านหนองทิศสอน ลงพื้นที่ปลูกต้นไม้นำร่องป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม มุ่งพลิกฟื้นให้ป่าแห่งนี้เป็นผืนป่าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ เป็นมรดกให้ลูกหลาน และเป็นแหล่งอาหารของชุมชน โดยมี คุณ ซี คิ-ออง เลาว์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ผ.อ.ปัญญา บุตะกะ ป่าไม้จังหวัดมหาสารคาม นายสากล เนตะวงษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาเชือก ผู้ใหญ่สุปราณี คาทิพาที พร้อมด้วยชาวบ้านชุมชนบ้านหนองทิศสอน และคณะผู้แทนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมปลูกต้นไม้นำร่อง พร้อมกันนี้ยังสนับสนุนงบประมาณและมอบอุปกรณ์ป้องกันและดับไฟป่าให้แก่วิสาหกิจกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาป่าชุมชน บ้านหนองทิศสอนด้วย

     

ฤดูปลูกปีนี้ชุมชนบ้านหนองทิศสอน ได้รับการสนับสนุนปลูกต้นไม้ภายใต้โครงการ Care the Wild เป็นจำนวนรวม 1,400 ต้น บนพื้นที่ 7 ไร่ จาก 2 ผู้สนับสนุนหลัก คือ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1,000 ต้น บนพื้นที่ 5 ไร่ และกลุ่มแฟนคลับ JMJFans ของศิลปิน เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ (JamyJamess) เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 25 ปี (27 เมษายน) จำนวน 400 ต้น บนพื้นที่ 2 ไร่ ซึ่งเมื่อต้นไม้เติบใหญ่จะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 12,600 กิโลกรัมคาร์บอนไดซ์ออกไซต์เทียบเท่าต่อปี นอกจากนี้ เมื่อปีที่ผ่านมาชุมชนแห่งนี้ยังได้รับการสนับสนุนปลูกต้นไม้ จำนวน 4 ไร่ จากกองทุนบัวหลวง โครงการวนของ บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด

 

     

 

---------------------------------------------------------------------------------------------

การติดตามผลการปลูกครั้งที่ 1  # 27 เมษายน 2564

ในฤดูปลูกปีนี้ชุมชนฯได้รับสนับสนุนการปลูกต้นไม้ 1,400 ต้น รวม 7  ไร่ จาก 2 ผู้สนับสนุนหลัก  คือ 

• บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด บนพื้นที่ 5 ไร่  
• กลุ่มแฟนคลับ JMJFans ของศิลปิน เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ (JamyJamess) เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 25 ปี (27 เมษายน) จำนวน 400 ต้น บนพื้นที่ 2 ไร่
 
 

แปลงปลูก  4 ไร่  (ปลูกเดือนสิงหาคมปี 2564)

จากการลงสำรวจพื้นที่แปลงปลูกที่ 1 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 พบว่ามีอัตราการรอดตายของต้นไม้อยู่ที่ 100% ชุมชนมีการลงพื้นที่สำรวจการเจริญเติบโตทุกเดือน และปลูกซ่อมเป็นระยะ

ครั้งล่าสุดเดือนเมษายน มีการดายหญ้าวัชพืช และทำแนวกันไฟเพิ่มรอบด้านแปลงขนาดกว้าง 3.5 เมตร

โดยมีความสูงเฉลี่ยของต้นไม้อยู่ที่ 50 - 60 เซนติเมตร และสำหรับแปลงอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุน ชาวบ้านใช้เป็นแปลงทดลองปลูกพืชตระกูลถั่วก็เพื่อเพื่อบำรุงดิน และใช้ประโยชน์จากผลผลิต

      

     

ปลูกต้นกล้วยแซมเพื่อปรับสภาพและบำรุงดินให้ดีขึ้น อีกทั้งการวางระบบน้ำเพื่อปล่อยผ่านสายยางไปยังต้นไม้ทุกต้น ในช่วงระยะเวลาที่ฝนทิ้งฤดู

 

---------------------------------------------------------------------------------------------

 

การสนับสนุนจากองค์กรภาคธุรกิจ 

Care the Wild  และพันธมิตร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่ป่า 5 ไร่ ณ ป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม  ⛅️

 

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ฤดูปลูกปีนี้ชุมชนบ้านหนองทิศสอน ได้รับการสนับสนุนปลูกต้นไม้ภายใต้โครงการ Care the Wild จากบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) นำทีมผู้บริหาร คุณกำพล สุริยะไกร ผู้จัดการธนาคารทิสโก้ สาขาขอนแก่น พนักงานจิตอาสาจากธนาคารทิสโก้ และสมหวัง เงินสั่งได้ โซนภาคอีสานกลาง1 ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้จำนวน 1,000 ต้น บนพื้นที่ 5 ไร่ ณ ป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน จ.มหาสารคาม โดยมีคุณสุปราณี คาทิพาที ผู้ใหญ่บ้านหนองทิศสอน คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนบ้านหนองทิศสอน และพร้อมด้วยชาวบ้านชุมชนบ้านหนองทิศสอน รวมกว่า 80 คน  เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมดุล ลดปัญหาโลกร้อน ด้วยแนวคิดต้นไม้ต้องรอดตาย 100% ตามเงื่อนไขโครงการฯ 

    

บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ โดยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ซึ่งให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยการแปลงแนวคิดอนุรักษ์ผืนป่าสู่การปฏิบัติจริงและมุ่งหวังให้เกิดผลที่ยั่งยืน ด้วยการปลูกกล้าไม้ในจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และส่งเสริมให้ชุมชนเรียนรู้คุณค่าของป่าไม้ในท้องถิ่น 

    

    

    

 


(ผู้ที่สนใจในการร่วมสร้างผืนป่าร่วมกับโครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง” สร้างป่าด้วยใจ เพื่อสร้างสมดุลในระบบนิเวศ สามารถติดต่อได้ที่  ของเว็บไซต์ SET Social Impact ร่วมเป็นสื่อกลางในการสร้างป่าเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี)

 
 
ผู้เข้าชม  3735