แนวร่วมนักลด ลด-เพื่อ-โลก : ถอดรหัส 3 กุญแจสำคัญ ลดขยะในสำนักงานได้จริง



แนวร่วมนักลด ลด-เพื่อ-โลก : ถอดรหัส 3 กุญแจสำคัญ ลดขยะในสำนักงานได้จริง

เดือนกรกฎาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ประกาศว่ายุคของภาวะโลกร้อนนั้นสิ้นสุดลง และได้เข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) เนื่องจากได้มีการบันทึกไว้ว่าอุณหภูมิของโลกเราในเดือนกรกฎาคมร้อนที่สุดในรอบ 120,000 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (The World Meteorological Organization: WMO) ยังมีการประเมินไว้อีกด้วยว่ามีความเป็นไปได้ถึง 98% ที่ในอีก 5 ปีข้างหน้า อุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นกว่าที่ประวัติศาสตร์เคยบันทึกไว้ ทำให้มีการประกาศยุคเริ่มต้นของภาวะโลกเดือด เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนได้ตื่นตัวในการช่วยกันแก้ไขปัญหา พร้อมสร้างความยั่งยืนในอนาคต

 

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน) ได้จัดงาน Climate Care Forum 2023 : Time to Reduce "ลด-เพื่อ-โลก" เพื่อเชิดชูองค์กรแนวร่วมลดก๊าซเรือนกระจก ภายใต้ความร่วมมือ “Climate Care Platform” พร้อมเป็นต้นแบบให้กับองค์กรอื่นในการสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนในองค์กรที่ร่วมกันลด และจัดการทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้ประเทศไทยมีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2608

 

หนึ่งในวิธีที่พวกเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกันที่จะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกก็คือการบริหารจัดการขยะและของเสียภายในองค์กรและชุมชน ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมทั้งองค์กรพันธมิตรทั้งภาคธุรกิจและธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ตระหนักถึงปัญหา และมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาจากจุดเริ่มต้นและจุดยืนของแต่ละภาคส่วน จึงได้ดำเนินการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้โลกเป็นระบบนิเวศที่สมดุลสำหรับลูกหลานในอนาคต สำหรับสัตว์และพืช อีกมากมายที่เป็นสมาชิก ผู้กำเนิด อาศัยเติบโต อยู่ในห่วงโซ่แห่งการดำรงอยู่ของโลก 

 

โครงการ Care the Whale หนึ่งในโครงการภายใต้แพลตฟอร์มความร่วมมือลดภาวะโลกร้อน (Climate Care Collaboration Platform) จากการบริหารจัดการขยะภายในองค์กร ชุมชน โดยมีจุดเริ่มต้นจากแนวคิด “กำจัดคำว่า “ขยะ” ให้หายไป ร่วมหาทางใช้ให้ถึงที่สุด” เพื่อสร้างพฤติกรรมการใช้ของอย่างคุ้มค่า หาทางใช้ทุกทรัพยากรให้ถึงที่สุด ให้ขยะกลายเป็น “ขยะล่องหน”  

 

วัตถุประสงค์สำคัญของโครงการ คือ เพื่อผลักดันให้แต่ละองค์กรดูแลบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2562 จนถึงกันยายน 2566 มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 65 องค์กร ประกอบด้วย ผู้ประกอบการที่มีที่ตั้งที่ทำการอยู่ในเขตถนนรัชดาภิเษก และนอกเขตถนนรัชดาภิเษก สามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกไปได้ ถึง 47,915.52 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ทั้งหมด 5,323,947 ต้น ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนบางองค์กรได้ขยายกิจกรรมและการดำเนินงานไปปรับใช้ภายในองค์กรอย่างแพร่หลาย

 

    สมาชิกในเครือข่ายของโครงการต่างผนึกกำลังจับมือเดินหน้าสู่เป้าหมายเดียวกันในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยนำกลยุทธ์ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการดำเนินงาน เราได้ถอดบทเรียนจากแนวคิดและวิธีการของพันธมิตรกลุ่มนี้เป็น 3 กุญแจสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการลดขยะในสำนักงานได้จริง และเป็น 3 วิธีการง่าย ๆ ที่ทุกองค์กรสามารถนำไปปรับใช้ได้ในทันที ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ความรู้ การทำให้การลดขยะกลายเป็นเรื่องง่าย และ การสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรอยากลดขยะ

 

 

 

 

กุญแจที่ 1: การประชาสัมพันธ์ความรู้และสร้างความตระหนัก 

หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะสร้างการรับรู้ และตระหนักถึงปัญหาของสิ่งแวดล้อม คือการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้กับบุคลากรในองค์กร คู่ค้า หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  ถ้าหากทุกคนมีความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ก็จะช่วยสร้างจิตสำนึกและเป็นแรงจูงใจให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ตัวอย่างบริษัทที่น่าสนใจคือ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ที่มีการประชาสัมพันธ์แนวคิด “ขยะล่องหน” ผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ของบริษัทอย่างอีเมล การติดประกาศตามจุดต่าง ๆ ของอาคารเพื่อย้ำเตือนให้พนักงาน ผู้ประกอบการร้านค้า และลูกค้านึกถึงการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ลงมือปฏิบัติ รวมถึงแยกขยะก่อนทิ้ง ส่วนอีกบริษัทที่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนก็คือ บริษัท เอไอเอ จำกัด โดยมีการประชาสัมพันธ์โครงการผ่าน Application AIA Capital Center เพื่อให้ผู้เช่าทุกรายในอาคารของเอไอเอรับทราบถึงการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Care the Whale และจัดกิจกรรมให้ความรู้ถึงวิธีการแยกขยะอย่างถูกวิธีให้กับตัวแทนผู้เช่า พนักงานในองค์กร และแม่บ้านของอาคาร เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจถึงปัญหาและนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

 

นอกจากประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้กับบุคคลากรในองค์กรเพื่อสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ยังได้ขยายองค์ความรู้ด้านการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพให้กับคนภายนอกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจ ชุมชน และโรงเรียน นับเป็นการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง สอดคล้องกับหลัก ESG

 

 

 

 

กุญแจที่ 2: อำนวยความสะดวกให้การลดและการแยกขยะเป็นเรื่องง่าย 

หลายคนอาจคิดว่าการแยกขยะเป็นการเพิ่มขั้นตอนในการใช้ชีวิต ดูยุ่งยาก ไม่สะดวกสบาย เพราะความเคยชินจากการทิ้งขยะรวมกันในถังเดียว ที่จริงแล้วหากเราเริ่มแยกขยะได้อย่างถูกต้องจากต้นทาง จะก็ทำให้ขั้นตอนในการบริหารขยะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก อย่างบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดขยะฝังกลบลงถึง 35% ก็เริ่มต้นจากการทำห้องพักขยะแยกประเภทให้ชัดเจน รวมถึงถังขยะสำหรับทั้งพนักงานและลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นถังแยกขวดน้ำ ขวดแก้ว ไปจนถึงขยะ E-Waste ที่ได้ร่วมแคมเปญกับของ AIS และแคมเปญอื่น ๆ มากมาย อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ คอนโดไอดีโอรัชดา – ห้วยขวาง ที่จัดเตรียมสถานที่สำหรับรองรับขยะในทุกชั้นของที่พัก  และจัดทำป้ายบอกประเภทของถังขยะแต่ละถังทั้ง 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เพื่อให้ลูกบ้านเข้าถึงได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นต่างชาติหรือคนไทย นอกจากนี้ มีการจัดนิทรรศการการคัดแยกขยะในแต่ละประเภทเพื่อให้ความรู้กับผู้พักอาศัยและบุคคลทั่วไปหน้าลานกิจกรรมบริเวณด้านหน้าโครงการ ทำให้ทั้งพนักงานและลูกบ้านเข้าใจถึงความตั้งใจในการแยกขยะ และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ 

 

 

 

กุญแจที่ 3: สร้างแรงจูงใจให้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม 

องค์กรพันธมิตรบางรายก็มีวิธีการจูงใจบุคลากรอย่างสร้างสรรค์ เช่น บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่นอกจากจะมีการบริการจุดแยกขยะแล้ว ก็ยังจัดกิจกรรมสนุก ๆ ภายในองค์กรให้พนักงานมีส่วนร่วมในการลงมือคัดแยกขยะด้วยตัวเอง หรือจะเป็นแคมเปญการจัดประกวดสิ่งประดิษฐ์จากเศษวัสดุเหลือใช้ การให้ส่วนลด หรือการจับรางวัลของบริษัท ไทยออพติคัล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก็ช่วยผลักดันให้บุคลากรในองค์กรหันมาใส่ใจกับการจัดการขยะมากขึ้น นอกจากนี้บริษัท ซีดับเบิ้ลยู ทาวเวอร์ จำกัด ก็จัดแคมเปญให้บุคลากรในอาคารซีดับเบิ้ลยู ทาวเวอร์ ได้ร่วมสนุกเช่นกัน อย่างการนำขยะรีไซเคิลมาแลกเป็น Point เพื่อแลกเป็นของรางวัลหรือจะเลือกเป็นส่วนลดสำหรับสิทธิประโยชน์ในอาคารก็ได้ ทำให้ได้รับการตอบรับจากทุกคนในอาคารเป็นอย่างดี

 

 

จะเห็นได้ว่าลดขยะภายในองค์กรนั้นไม่ยากอย่างที่คิด เห็นได้จากตัวอย่างของเหล่าพันธมิตร Care the Whale แต่ละองค์กรก็เลือกใช้วิธีการที่แตกต่างกันออกไปตามบริบทของตนเองจนประสบผลสำเร็จ บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้เป็นอย่างดี และยังมีบางองค์กรอย่างบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) ก็ได้มีการขยายผลไปปรับใช้ในอาคารสำนักงานสาขาและโรงพยาบาลในเครืออีกด้วย หวังว่าวิธีการที่ได้นำเสนอในบทความนี้จะเป็นแนวทางให้กับใครหลายคนที่อยากเริ่มต้นการแยกขยะ ขอแค่ลองเริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงจากจุดเล็ก ๆ ก่อน ดีกว่าไม่เริ่มลงมือกันเลย เพื่อช่วยยื้ออายุของโลกเรา สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและยั่งยืนเพื่ออนาคตที่ดีของพวกเรา

 

 

องค์กรที่สนใจ สามารถติดตามข้อมูลและร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโครงการ Care the Whale ได้ที่ : https://climatecare.setsocialimpact.com/care-the-whale
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: SET Contect Center 02-009-9999  ติดต่อ ได้ที่ : ClimateCarePlatform@set.or.th

 

#ClimateCare #CaretheWhale

 

 

 
ผู้เข้าชม  5020