Climate care เรื่องโลกร้อนที่ต้องรู้และแคร์ : 4 เรื่องที่ธุรกิจต้องตั้งรับและปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
ถึงวันนี้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าคือ วิกฤตการณ์ร้ายแรง ที่ส่งผลกระทบในทุกมิติ ซึ่งอาจถึงขั้นสร้างหายนะให้กับโลกและมนุษยชาติได้ในเวลาอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า หากปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่านับจากนี้เป็นต้นไปจะสามารถควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ แต่ก๊าซบางชนิดที่เราปล่อยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศก่อนหน้าจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนับร้อยปี นั้นหมายความว่าผลกระทบจากภาวะโลกร้อนจะยังคงส่งผลกับเราต่อไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ความพยายามที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยลง คงไม่เพียงพอกับการรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั้นก็คือ การปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงจากความแปรปรวนและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะมีผลกระทบเป็นวงกว้างในมิติที่หลากหลาย ซึ่งก็รวมถึงผลกระทบต่อภาคธุรกิจด้วยเช่นกัน อาทิ
ประการแรก ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐานและทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้วทั้ง พายุฝน น้ำท่วม ไฟป่า กระทบโดยตรงต่อความสามารถในการผลิต และส่งผลต่อเนื่องไปถึงห่วงโซอุปทาน (Supply chain) เช่น กรณีไต้ฝุ่นที่พัดถล่มมาเลเซีย เมื่อปี 2021 ทำให้บริษัทเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของประเทศ ที่ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาได้รับความเสียหาย ส่งผลให้บริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐต้องหยุดดำเนินการ
ประการที่สอง ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น เช่น กรณีที่บริษัทประกันภัยต้องจ่าย ค่าสินไหมทดแทนมูลค่าสูงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเหตุการณ์ไฟป่ารุนแรง ที่สร้างความเสียหายหลายล้านไร่ อันมีสาเหตุจากภาวะโลกร้อน
ประการที่สาม สภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้วยังทำให้ยอดขายสินค้าและบริการลดลง ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลที่จะได้ผลกระทบจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว อีกทั้งอากาศที่อุ่นขึ้นและฤดูหนาวที่สั่นลงยังส่งกระทบต่อธุรกิจสกีรีสอร์ทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ประการที่สี่ ภาวะภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้นยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจการเกษตร ทำให้ผลผลิตที่เปราะบางต่อการสภาพอากาศได้รับผลกระทบ ผลผลิตลดลง ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ใช้ผลผลิตทางเกษตรเป็นวัตถุดิบ นอกจากนี้ในบางพื้นที่ ภัยแล้งยังส่งผลไปถึงธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือด้วยดังเช่น เหตุการณ์ที่ระดับน้ำในแม่น้ำไรน์ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญในทวีปยุโรปลดลดอย่างมาก จนไม่สามารถใช้สัญจรไปมาได้
ประการที่ห้า นอกจากธุรกิจจะได้รับผลกระทบทางตรงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว ภาคธุรกิจยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากกฎระเบียบใหม่ ๆ ที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น มาตรการทางภาษี/ นโยบายการค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และกฎระเบียบที่ให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ในบางประเทศ) ต้องรายงานการปล่อยมลพิษและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้หากบริษัทไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขอาจถูกคว่ำบาตร กระทบถึงผลกำไรและเสียชื่อเสียง
นี่เป็นเพียงบางส่วนของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญ คำถามคือ แล้วธุรกิจจะปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในบริบทที่ท้าทายแบบนี้ได้อย่างไร
#4 เรื่องที่ธุรกิจต้องตั้งรับและปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน#
1. ภาคธุรกิจจำเป็นต้องรู้ว่า ความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมต่อธุรกิจในทิศทางใดบ้าง เพื่อจะได้วางมาตรการรับมือและ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด เช่น กรณีของบริษัท เนสท์เล่ อุตสาหกรรมอาหารรายใหญ่ ของโลก ลงมือศึกษาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่มีผลต่อการจัดหาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น โกโก้ ข้าว และน้ำตาล ที่นำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก การดำเนินงานดังกล่าวทำให้บริษัททราบว่า แหล่งเพาะปลูกใดเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากน้อย แค่ไหน
2. วางแผนรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยแผนดังกล่าวจะต้องมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น บริษัทประกันภัย แห่งหนึ่งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พัฒนาแบบจำลองพื้นที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ และนำมาใช้ในการออกแบบ-วางแผนกรมธรรม์ประกันให้สอดคล้องกับพื้นที่เสี่ยง
3. จัดเตรียมแผนการเงินไว้รองรับ ตามแผนการปรับตัวของธุกิจที่ออกแบบไว้ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
4. ประเมินโอกาสทางธุรกิจเพื่อปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ สินค้าและบริการ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น จากเหตุการณ์พายุถล่ม และน้ำท่วม ฯลฯ มักจะทำให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่มีไฟฟ้าใช้ หลายบริษัทจึงเริ่มคิดค้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ สำหรับเป็นแหล่งไฟฟ้าสำรองในยามฉุกเฉิน อาทิ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ฟอร์ด เปิดตัวรถกระบะไฟฟ้ารุ่น F-150 ที่สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองได้นานถึง 3 วัน/ บริษัท เทสราออกแบบแบตเตอรี่สำรองภายในบ้านที่เชื่อมต่อกับแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งจะเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อไฟฟ้าดับ/ ไบเออร์บริษัทเภสัชกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพรายใหญ่ของเยอรมันได้พัฒนาสายพันธุ์ข้าวโพดอายุสั่นให้ผลผลิตไวที่ทดต่อสภาพอากาศที่แปรปรวน
จะเห็นได้ว่าภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อธุรกิจในมิติที่หลากหลายดังที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วธุรกิจควรเร่งปรับตัว เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเริ่มจากประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า วางแผนรับเมือ และเร่งดำเนินการเชิงรุก เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ สินค้าและบริการ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพียงเท่านี้ธุรกิจก็จะสามารถตั้งรับและปรับตัวให้อยู่รอดได้อย่างยึดหยุ่นและยั่งยืนภายใต้ภาวะโลกรวน ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อใด
________
#Climatecare #เรื่องโลกร้อนที่ต้องรู้และแคร์
Reference
https://nbs.net/how-can-businesses-adapt-to-climate-change/
https://www.euruni.edu/blog/5-ways-businesses-can-adapt-to-climate-change/
https://unfccc.int/sites/default/files/resource/businesscase.pdf
https://www.wbcsd.org/wp-content/uploads/2024/04/Business-Leaders-Guide-to-Climate-Adaptation-and-Resilience.pdf